อายุเยอะแล้วอยากทำประกันผู้สูงอายุ ทำแบบไหนดี?
อยากทำประกันให้พ่อกับแม่ ทำอันไหนดี ?
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ กับประกันชีวิตผู้สูงอายุไม่เหมือนกันเหรอ ?
ทำประกันผู้สูงอายุแล้วต้องทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุแล้ว ?
เชื่อว่าหลายคนที่อยากจะทำประกันผู้สูงอายุ ทั้งผู้ที่ต้องการทำเอง และผู้ที่อาจจะกำลังมองหาประกันให้ผู้สูงอายุในบ้าน ซึ่งอาจจะเป็นคุณพ่อ คุณแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ อาจจะกำลังงงๆ และไม่รู้ว่าจะเริ่มที่ตรงไหนดี เพราะประกันผู้สูงอายุนั้นมีให้เลือกมากมาย ผู้สูงอายุทำได้เหมือนกันหมด ซึ่งหลักๆที่คนจะงงมักจะเป็นประกันสุขภาพผู้สูงอายุ และประกันชีวิตผู้สูงอายุ เพราะมีหลายคนที่เข้าใจว่า ประกันชีวิตผู้สูงอายุนั้นคือประกันสุขภาพผู้สูงอายุ
ใจเย็นๆก่อน ขออธิบายให้เข้าใจในบทความนี้ทีเดียวเลยว่า
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ และประกันผู้สูงอายุนั้นแตกต่างกัน
ไม่เหมือนกัน!
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุนั้น ชื่อก็บอกชัดเจนแล้วว่า คือประกันสุขภาพ คุ้มครองถึงอาการเจ็บป่วย และการเข้ารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลตามเงื่อนไขที่ระบุตอนทำประกัน โดยหากมีการเจ็บป่วย ผู้สูงอายุที่ทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ จะได้รับเงินชดเชยค่ารักษาพยาบาล ค่าผ่าตัด ค่าห้อง ค่ายา และอื่นๆที่ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งแตกต่างกันออกไปตามแบบแผนและค่าเบี้ยประกัน
ส่วนประกันชีวิตผู้สูงอายุนั้น ผู้ทำประกันจะได้รับเงินชดเชย เมื่อเกิดกรณีที่ผู้ทำประกันชีวิตนั้นเสียชีวิตลงเท่านั้น (ซึ่งต้องดูรายละเอียดเงื่อนไขในการเสียชีวิตว่าเข้าข่ายได้รับเงินชดเชยหรือไม่) เพราะฉะนั้นผู้ทำประกันต้องดูรายละเอียดให้ดีๆ ไม่อย่างนั้นหากเสียชีวิตไปแล้ว ลูกหลานจะไม่ได้รับเงินประกันตามที่ตั้งใจไว้
แล้วจะเลือกทำแบบไหนดี ?
ก่อนอื่นก็ต้องดูกำลังจ่ายเบี้ยประกันก่อนว่าผู้จ่ายค่าเบี้ยประกันนั้นสามารถจ่ายค่าเบี้ยได้เดือนละเท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่ประกันของผู้สูงอายุนั้นต้องยอมรับว่าค่าเบี้ยค่อนข้างสูงตามความเสี่ยง คือผู้สูงอายุมักจะมีโอกาสในการเสียชีวิตมากกว่านั่นเอง แต่ผู้สูงอายุบางคนก็ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บป่วยสักเท่าไหร่ ซึ่งหากเป็นอย่างนั้นก็อาจจะเลือกเป็นประกันชีวิตผู้สูงอายุ ให้ลูกหลานได้มีเงินไม่เดือดร้อนหรือลำบากยามเมื่อตนเองนั้นเสียชีวิต แต่หากผู้สูงอายุคนไหน หรือใครที่กังวลว่าผู้สูงอายุในบ้านจะเจ็บป่วย และอาจจะต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล จึงไม่อยากกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ก็สามารถเลือกเป็นประกันสุขภาพผู้สูงอายุได้ เพื่อที่ว่าหากมีการเจ็บป่วยต้องนอนโรงพยาบาล ลูกหลานและครอบครัวก็ได้รับเงินชดเชย อีกทั้งยังได้รับการบริการสาธารณสุขที่ดีอีกด้วย เพราะประกันสุขภาพผู้สูงอายุนั้น หากเจ็บป่วยก็ได้รับการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน
ดังนั้นจะเลือกทำแบบไหนขึ้นอยู่กับตัวผู้สูงอายุเองเป็นหลักด้วย ที่สำคัญคือไม่ว่าจะทำประกันผู้สูงอายุแบบไหนก็ตาม อย่าลืมสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อที่เราจะได้รับชดเชยอย่างที่ตั้งใจไว้นั่นเอง